รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ไฟเขียวเฟ้น 8 ผู้บริหารศธ. ชะลอตั้ง 12 ศธภ.
นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่ตนได้เสนอให้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ ศธ. พิจารณาสรรหาผู้บริหารระดับต้น แทนตำแหน่งว่าง 5 อัตรา คือ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) 1 ตำแหน่ง และรองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) 2 ตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) 1 ตำแหน่ง และรองศึกษาธิการภาค (ศธภ.) 1 ตำแหน่ง และสรรหาผู้เหมาะสมดำรงตำแหน่งระดับอำนวยการสูง สักนักงานปลัด ศธ. อีก 3 อัตรา ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนักตรวจติดตาม ผู้อำนวยการศูนย์ขับเคลื่อนการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศค.จชต.) และรองผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การยูเนสโก นั้น
รัฐมนตรีว่าการศธ. เห็นชอบให้ดำเนินการสรรหาตามที่เสนอโดยเฉพาะ ตำแหน่งผู้อำนนวยการศค.จชต. ซึ่งเว้นว่างมานานและมีความสำคัญต่อการบริหารการศึกษาในจังหวัดชายแดนใต้
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ส่วนการสรรหาศึกษาธิการภาค (ศธภ.)ให้ครบทั้ง 12 ตำแหน่ง ตามที่กำหนดไว้ในคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 พ.ศ.2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาค นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการศธ. ซึ่งเข้าใจว่า น.ส.ตรีนุช อาจจะรอให้ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ…. มีความชัดเจนก่อน
- ไทย คว้าอีก 2 เหรียญฝีมือยอดเยี่ยมแข่งสาขาการประกอบอาหาร
-
ชิโพทเล เม็กซิกัน กริลล์ จะทดสอบเครื่องทำชิปตอร์ตียาหุ่นยนต์ ‘Chippy’ ในร้านอาหารแคลิฟอร์เนีย
โดยขณะนี้ร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯ ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการการศึกษา (กมธ.) ของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาฯในวาระ 2 และ3 ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
“เท่าที่ดูข้อกังวลของรัฐมนตรีว่าการศธ. เป็นเรื่องการทำงานของศธภ. และศึกษาธิการจังหวด (ศธจ.) ที่จะไม่สอดคล้องกับโครงสร้างใหม่ เพราะฉะนั้นจึงมอบหมายให้คณะอนุกรรมการฝ่ายโครงสร้าง ซึ่งได้แต่ตั้งไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ จำนวน 10 คณะ ร่วมกันพิจารณา ขับเคลื่อนกฎหมายลูกให้สอดคล้องกับพ.ร.บ.การศึกษาฯ ฉบับใหม่ สิ่งที่ต้องดำเนินการคือ จัดทำปฏิทินการดำเนินการต่าง ๆ ให้ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้าง เพื่อให้เกิดความรอบคอบโดยเฉพาะเรื่องจำนวนซึ่งไม่ควรจะมากเกินความจำเป็นและสอดคล้องกับพ.ร.บ.ฉบับใหม่ และกฎหมายลูกด้านโครงสร้าง โดยยึดประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับผู้เรียนและสถานศึกษาเป็นสำคัญ ” นายอรรถพล
ปลัดศธ. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะต้องจัดทำบทบาทของศธภ. และศธจ.ให้เกิดความชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับการทำงานในพื้นฐาน ทั้งนี้ ศธภ.และศธจ. ควรจะมีบทบาทในการผลักดันนโยบายของส่วนกลางให้ไปสู่สถานศึกษา ใดยเฉพาะการแสวงหาความร่วมมือ ที่จะผลักดันงานนโยบายของศธ. ไปสู่สถานศึกษา ภายในงบประมาณที่จำกัด
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ johnwolfpup.com